วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2557

ว่าอาตา ตูราน หน้าตาเหมือนใครเอ๋ย

ครับหน้าทำไหมเหมือนกันจังอย่างเช่น อาตา ตูราน ปีกของแอตตติโก มาดริดหน้าตาเหมือนใครครับมามาดูกัน




เหมือนใครเอ๋ย
คนนี้ไงเจ๋ง บิีกแอส






ทรงผมนักเตะแบบกวนที่สุด

ครับวันนี้เรามาดูทรงผมของนักเตะแต่ล่ะคนบ้างครับผมว่าแต่ล่ะมีทรงผมอย่างไรบ้างครับผม
สเตฟาน เอลชาราวี่ของเอซีมิลานครับผม

บาโลเคลลี่กองหน้าของแมนซิตี้

เอ็มบายเนียง 

Ronaldo กองหน้าของบราซิล



เนย์มาร์ กองทีมชาติบราซิล

ซิลเซ่


สามทหารเสื้อของเอซีมิลานครับผม



วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

วันแดงเดือดคืนนี้ ใครจะอยู่ใครจะไป




สำหรับคืนนี้ครับผมเป็นวันแดงเดือด ทำไหมถึงเรียกว่าแดงเดือดมีอะไรเรามาดูกันครับผม ข้อมูลจาก http://www.siamsport.co.th/column/111013_083.html ได้เขียนไว้ว่า    เกมแดงเดือดกำลังจะกลับมาเผดียงแข้งกันอีกครั้งในสุดสัปดาห์นี้ ก่อนจะไปร่ายถึงรายละเอียดเกมดังกล่าว เราลองมาย้อนกลับไปว่าถึงประวัติความเป็นมาของความแค้นระหว่าง 2 ทีมนี้กันสักเล็กน้อย 
 เชื่อว่าหลายคนคงจะไม่เคยทราบมาก่อนว่า ลิเวอร์พูล และแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นเพียงแค่คู่อริลูกหนังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น 
 หากเรามองย้อนมาที่หน้าประวัติศาสตร์ของประเทศอังกฤษในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม (คริสต์ศตวรรษที่ 18 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19) จะเห็นได้ว่าทั้งเมืองลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ต่างพยายามชิงดีชิงเด่นกันในฐานะเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจของภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองผู้ดีมาโดยตลอด 
 ลิเวอร์พูล จัดว่าเป็นเมืองท่าสำคัญอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งสะดวกต่อการติดต่อซื้อขายสินค้ากับต่างประเทศ กล่าวกันว่าในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 นั้น การค้าขายทางเรือกว่า 40% ของทั้งโลกต้องมาเทียบท่าที่เมอร์ซี่ย์ไซด์
 ในขณะที่แมนเชสเตอร์ เองก็ถือเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมแห่งแรกและใหญ่ที่สุดของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมทอฝ้ายที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในเวลานั้น จนได้รับการขนามนามว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญอันดับสองของอังกฤษรองจากมหานครลอนดอน
 อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจที่นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเป็นต้นตอของความบาดหมางระหว่างเมืองลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ คือการขุดลอก ''คลองเดินเรือแมนเชสเตอร์'' ซึ่งเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการในปี 1894
 ในเวลานั้น แมนเชสเตอร์ กำลังเฟื่องฟูสุดขีดในด้านอุตสาหกรรมทอฝ้าย อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบสำคัญอย่าง ฝ้ายดิบ นั้นต้องขนส่งผ่านทางเรือเท่านั้น แถมต้องเสียค่าธรรมเนียมมหาศาลให้กับท่าเรือลิเวอร์พูลโดยใช้เหตุอีกต่างหาก 

 
สภาเมืองแมนเชสเตอร์ จึงแก้เกมด้วยการขุดลอก ''คลองเดินเรือแมนเชสเตอร์'' ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่ทำให้เรือขนฝ้ายดิบสามารถล่องไปยังท่าเรือที่เมืองแมนเชสเตอร์ ได้โดยตรงและไม่ต้องจอดเทียบท่าเพื่อเสียภาษีปากเรือที่ เมอร์ซี่ย์ไซด์ อีกต่อไป

 
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ข้าราชการกรมเจ้าท่าชาวลิเวอร์พัดเลี่ยน ซึ่งเดิมทีมีรายได้หลักจากการเก็บค่าธรรมเนียมจากเรือสินค้าเข้าออก ต้องสูญรายได้มหาศาลและตกงานกันไปเป็นแถบๆ เลยทีเดียว

 
ชาวลุ่มน้ำเมอร์ซี่ย์ไซด์ ซึ่งต่างรู้สึกว่าพวกตนเป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์ เนื่องจากไม่สามารถขูดเลือดขูดเนื้อเงินภาษีจากเพื่อนบ้านจากเมืองแมนเชสเตอร์ ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนแต่ก่อน จึงคิดวลีเด็ดซึ่งยังคงมีให้ได้ยินกันอยู่บ้างในเขตเมืองลิเวอร์พูล มาถากถางเพื่อนร่วมแคว้นที่อยู่ห่างกันแค่ 30 ไมล์ กว่าๆ ว่า

 
''ชนชั้นข้าราชการที่ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายจัดหาฝ้ายดิบมาให้ชนชั้นแรงงานที่แมนเชสเตอร์ได้มีงานทำ''
 นอกจากจะห้ำหั่นกันทางเมืองและเศรษฐกิจแล้ว ชาวลิเวอร์พัดเลี่ยน และ ชาวแมนคูเนี่ยน ก็ยังชิงดีชิงเด่นกันจนเกิดกรณีพิพาททางลูกหนังอีกจนได้

 
เรื่องของเรื่องคือ ในช่วงทศวรรษที่ 60 ลิเวอร์พูล ในยุคของ บิลล์ แชงค์ลี่ย์ และแมนฯยูไนเต็ด ของ แม็ตต์ บัสบี้ กำลังห้ำหั่นกันสูสีบนลีกสูงสุดเมืองผู้ดี โดยผลัดกันเป็นแชมป์กันอยู่แค่สองทีมระหว่างปี 1963-1967
 แชงค์ลี่ย์ พาลิเวอร์พูล เข้าป้ายในฐานะแชมป์ลีกเมื่อจบฤดูกาล 1963-64  โดยมีแต้มเหนือ ''ยูไนเต็ด'' ที่เข้าป้ายเป็นอันดับ 2 อยู่ 4 แต้ม แต่ในฤดูกาลถัดมา (1964-65 ) บัสบี้ ก็พา ''ปีศาจแดง'' เข้าวินเป็นแชมป์ลีกได้บ้าง
 ในอีกสองฤดูกาลถัดมาก็ยังเหมือนหนังม้วนเดิม เมื่อลิเวอร์พูล ได้แชมป์ลีกไปก่อนในฤดูกาล 1965-1966 ก่อนแมนฯ ยูไนเต็ด จะตามติดมาเข้าป้ายเป็นที่ 1 อีกครั้ง ในฤดูกาล 1966-1967
 ดูเหมือนว่าทั้ง ''หงส์'' และ ''ผี'' จะกินกันไม่ลงสำหรับการแข่งขันระดับประเทศ เพราะในเวลานั้นทั้งคู่สะสมแชมป์ลีกสูงสุดเท่ากันพอดีที่ 7 สมัยเสียอย่างนั้น!

 
ความอาฆาตริษยาในความสำเร็จของทีมคู่อริของแฟนบอลทั้งสองทีมจึงเริ่มอุบัติและทวีความรุนแรงขึ้น!   
 ทว่าในปี 1968 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ปล่อยหมัดแย็บเข้าเต็มหน้า ลิเวอร์พูล เมื่อพลพรรค ''บัสบี้ เบ็บส์'' นำทัพ โดย บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และ จอร์จี้ เบสท์ สามารถทำให้มหาชนชาวแมงค์ เชิดหน้าชูคอบนเวทีใหญ่ที่สุดของทวีปได้ก่อน เมื่อก้าวขึ้นไปเป็นทีมแรกจากอังกฤษที่คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ได้ หลังจากอัดเบนฟิก้า ไป 4-1 ที่เวมบลีย์  

 
อย่างไรก็ตาม หลังจากโดนหมัดแย็บไปเต็มดอก ลิเวอร์พูลก็ปล่อยหมัดรัวใส่ยูไนเต็ด จนแทบลงไปกองกับพื้น! 

 
โดยเฉพาะช่วงทศวรรษที่ 70 และ 80 ยุคทองของชาว ''สเกาเซอร์ส'' ก็มาถึง เมื่อ ''หงส์แดง'' ภายใต้การคุมทัพของยอดกุนซือ ไล่ตั้งแต่ บิลล์ แชงค์ลี่ย์ และ บ็อบ เพสลี่ย์ ไปจนถึง โจ เฟแกน สามารถสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นอภิมหาอำนาจลูกหนังแห่งยุค กวาดแชมป์ลีกดิวิชั่น 1 ได้เรียบวุธ (11 สมัย) บวกแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพอีก 4 ครั้ง ในช่วงเวลาดังกล่าว

 
การจากไปค้าแข้งในต่างแดนของ เควิน คีแกน ในปี 1977 ไม่ได้ทำให้ แสนยานุภาพของลิเวอร์พูล ลดน้อยถอยลง แต่นั่นเสมือนการเปิดทางให้อีกหนึ่งตำนาน อย่าง เคนนี่ ดัลกลิช ได้เฉิดฉายที่แอนฟิลด์

 
เพสลี่ย์ ควักเงิน 4.4 แสนปอนด์ ให้เซลติก เพื่อเป็นค่าฉีกสัญญาของ ดัลกลิช และไอ้หนุ่มจากกลาสโกว์ ก็ตอบแทนลิเวอร์พูล คุ้มค่าทุกเพนนี ด้วยการทำไปทั้งสิ้น 118 ประตู ตลอดการค้าแข้ง 13 ปีกับ ''หงส์แดง'' และรวมถึงประตูโทนดับคลับ บรูช ทีมแกร่งจากเบลเยียม ในนัดชิงยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1978 ด้วย

 
สาวกสเกาต์เซอร์ต่างดื่มดำกับความสำเร็จเหนือคู่พิพาทจากเมืองเหนืออยู่ราวสองทศวรรษ จากผลงานแชมป์ลีกสูงสุด (ดิวิชั่น 1 เดิม) 18 สมัย ทำให้ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสหราชอาณาจักร ณ เวลานั้น 

 
สวนทางกับ ''ปีศาจแดง'' ที่จำนวนถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดยังหยุดนิ่งที่ 7 สมัย อีกทั้งหลังจากสิ้นยุค ''บัสบี้ เบ็บส์'' เหล่าชาวแมงค์ก็ได้แต่นั่งมองความสำเร็จของทีมคู่แค้นตาปริบๆ เพราะทีมรักกลับต้องไปดิ้นรนอยู่แถวครึ่งล่างของตารางเสียส่วนใหญ่ และเลวร้ายที่สุดคือ การต้องตกชั้นไปสู่ดิวิชั่นสองเป็นครั้งแรกในฤดูกาล 1973-1974

 
สำหรับแฟนลิเวอร์พูล อะไรจะมีความสุขไปกว่าการที่ทีมรักคว้าแชมป์เป็นว่าเล่น ขณะที่ทีมที่พวกเขากำลังชิงดีชิงเด่นกันมานานยังสะกดคำว่า ''แชมป์ลีก'' ไม่เป็นมานานเกิน 2 ทศวรรษ
 แต่ใครจะคิดว่าหนังเรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ!
 
การเข้ามาคุมบังเหียน ''ปีศาจแดง'' ของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในปี 1986 ทำให้ขั้วอำนาจเปลี่ยนมือมาที่แมนเชสเตอร์ อีกคำรบ 
 เมื่อลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเปลี่ยนชื่อจากดิวิชั่น 1 เป็นพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 1992-1993 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยุติการร้างราตำแหน่งแชมป์ลีกนาน 26 ปีลงได้สำเร็จ นับตั้งแต่คว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ครั้งล่าสุดในฤดูกาล 1966-1967
 
ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่เข้ามารับงานหัวเรือใหญ่ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พาทีมคว้าแชมป์เป็นว่าเล่น โดยตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 12 ของ ''เฟอร์กี้'' เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้ ''ปีศาจแดง'' เบียดแซงหน้าลิเวอร์พูล ก้าวขึ้นไปสู่บังลังค์ทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุด (19 สมัย)
 คราวนี้กลับต้องเป็นฝ่าย ''เดอะ ค็อป'' บ้างที่ต้องนั่งมองความสำเร็จของ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบละเหี่ยใจ เพราะทีมตัวเองยังไม่เคยได้ชูถ้วยพรีเมียร์ลีกเลยนับตั้งแต่ปี 1993 หรือแค่ 18 ปีเท่านั้นเอง
 
ความรู้สึกคงไม่ต่างกันเท่าไหร่สำหรับสาวก ''เร้ด เดวิลส์'' เพราะอะไรจะสำราญใจไปกว่าการเห็นลิเวอร์พูล ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่แย่งตั๋วใบสุดท้ายเพื่อไปเล่นบอลยุโรป ขณะที่พวกเขายึดพื้นที่หัวตารางซิวแชมป์ลีกปีแล้วปีเล่า
 เรียกว่าใครล้มก็ต้องถูกข้ามจริงๆ สำหรับลิเวอร์พูล และแมนฯ ยูไนเต็ด
 
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าทั้งสองทีมคือสองสุดยอดสโมสรแห่งวงการฟุตบอลอังกฤษทั้งในแง่ของความสำเร็จ และชื่อเสียง เนื่องจากทั้งคู่ต่างพากันฟาดแชมป์รายการสำคัญรวมกัน 118 รายการ

 
อีกทั้งการที่ทั้งสองทีมผลัดกันแย่งชิงความเป็นหนึ่งของแผ่นดินอังกฤษมาตลอดในช่วงครึ่งศตวรรษหลังสุด  ยิ่งทำให้เกม ''แดงเดือด'' นั้นเป็นมากกว่านัดแห่งศักดิ์ศรีนัดหนึ่งของแฟนบอลทั้งสองทีม

 
และไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมลิเวอร์พูล และแมนฯ ยูไนเต็ด ต่างเป็นทีมที่มีแฟนบอลติดตามเชียร์มากที่สุดในโลก!

คืนนี้ใครจะยิงได้มากกว่ากัน

ลิเวอร์พูลกำลังฟอร์มดี

เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดทุกครั้ง

แมนยูฟอร์มไม่ค่อยดีเท่าไหร




ริวัลโด้ ประกาศแขวนสตั๊ดในวัย41ปีแล้วครับผม


ริวัลโด้ อดีตเพลย์เมกเกอร์สโมสร”เจ้าบุญทุ่ม”บาร์เซโลน่า เจ้าของรางวัล บัลลง ดอร์ ฤดูกาล 1999 ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยวัย 41 ปี
แข้งชาวบราซิล กล่าวทั้งน้ำตา”ผมขอขอบคุณพระเจ้า ครอบครัว และคนอื่น ๆ สำหรับการสนับสนุนตลอดอาชีพค้าเเข้งที่ผ่านมา 24 ปีของผม”
ริวัลโด้ ลงสนามรับใช้ชาติทั้งสิ้น 74 นัด ยิงไป 34 ประตู ช่วงระหว่างปี 1993-2003 และเป็นหนึ่งในชุดคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2002 อีกด้วย
สมัยค้าแข้งให้กับบาร์เซโลน่า

คว้าแชมป์โลกในปี2002

พร้อมรางวัลบัลลงดอร์

ติดทีมชาติบราซิล

วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

อัยย่ะแคสเปอร์ยกฮาร์ทนายทวารระดับโลก



แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล จอมหนึบเดนมาร์ก ออกโรงยก โจ ฮาร์ท นายทวารทีมชาติอังกฤษ เป็นโกลระดับโลก และอยากให้แฟนๆ คอยสนับสนุนเต็มที่ ยกอดีตเพื่อนร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีจิตใจแข็งแกร่ง หลังสามารถฝ่าฟันเสียงวิจารณ์ต่างๆ มาได้ พร้อมเชื่อ 'สิงโตคำราม' มีโอกาสดีในศึกเวิลด์ คัพ 2014 หากมีโชคเข้าข้าง
 
        แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายทวารทีมชาติเดนมาร์ก ออกมากล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่า เขาคิดว่า โจ ฮาร์ท ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ เป็นผู้เล่นระดับโลก และอยากให้บรรดาสาวก "สิงโตคำราม" คอยสนับสนุนอดีตเพื่อนร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างเต็มที่

        "โจ เป็นผู้เล่นระดับโลก เขาเป็นนายทวารชั้นยอด มันมีเสียงวิจารณ์อย่างไม่ยุติธรรมต่อตัวเขาในฤดูกาลนี้ คุณจะไม่สามารถหาใครที่จิตใจแข็งแกร่งกว่าเขาได้อีกแล้ว อังกฤษ มีหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดและคุณก็ควรภูมิใจและยินดีที่มีนายทวารที่มีคุณภาพอย่างเขา" ชไมเคิ่ล กล่าว

        จอมหนึบ เลสเตอร์ ซิตี้ เพิ่งลงเฝ้าเสาในเกมอุ่นเครื่องที่ เดนมาร์ก บุกไปพ่าย อังกฤษ 0-1 ที่สนามเวมบลีย์ และเขาก็สนับสนุน "สิงโตคำราม" ให้ประสบความสำเร็จในศึกฟุตบอลโลกที่บราซิล

        "คุณโหดร้ายกับทีมชาติของตัวเองมาก มันไม่ได้ช่วยพวกเขาเลย พวกเขามีนักเตะชั้นยอดและต้องให้อิสระและให้โอกาสพวกเขาได้โชว์ฟอร์มออกมา พวกเขาต้องการโอกาสเพียงครั้งเดียวจากกองหน้าระดับโลกอย่าง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ และเขาก็ทำมันได้ อังกฤษ ควรมั่นใจ พวกเขามีนักเตะระดับโลกและเป็นทีมชั้นยอด"



        "พวกเขาเพียงแค่ต้องการโชคช่วยเล็กน้อย พวกเขาตกรอบหลายรายการจากการดวลจุดโทษ นั่นเป็นเรื่องโชคร้ายล้วนๆ ถ้ามันเข้าทางพวกเขา มันก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะไม่มีโอกาสที่ดีมากๆ" ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตำนานนายทวารทีมชาติเดนมาร์ก กล่าว

มาแล้วครับผม อาดิดาสเปิดตัวลูกบอลสำหรับบอลโลก2014แล้ว





 "อาดิดาส" บริษัทผลิตภัณฑ์กีฬาชั้นนำของโลก จัดการเปิดตัว "บราซูก้า" ลูกฟุตบอลที่จะใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ที่ประเทศบราซิล ซึ่งมีกำหนดลงประชันฝีเท้ากันระหว่างวันที่ 12 มิถุนายน ถึง 13 กรกฎาคม ปีหน้า ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่นครริโอ เดอ จาเนโร เมื่อวันอังคารที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา 
 
        ก่อนหน้านี้ "อาดิดาส" ต้องประสบปัญหากับการออกแบบฟุตบอลลูกนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ออกแบบต้องการลดน้ำหนักของลูกฟุตบอลด้วยการทำให้มีรอยตะเข็บเชื่อมน้อยลง แต่ผลจากการลดรอยตะเข็บนั้นได้ทำให้รู้สึกว่าลูกบอลมีการส่ายในอากาศไม่เป็นปกติ จากนั้นพวกเขาก็ได้นำไปปรับปรุงแก้ไขด้วยการออกแบบให้รอยตะเข็บมีการเชื่อมต่อกันเหมือนรูป "บูมเมอแรง" มากยิ่งขึ้น ด้วยความหวังว่าลูกบอลจะลอยในอากาศได้ดีขึ้นกว่าเดิม 
 
        เพื่อป้องกันการถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องลูกฟุตบอลในครั้งนี้ "อาดิดาส" จึงตัดสินใจนำลูกบอลไปให้กับ 600 นักฟุตบอลระดับชั้นนำของโลกได้ทดลอง ซึ่งรวมไปถึงคนที่ไม่ได้มีสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับบริษัทด้วย ต่อด้วยการสัมภาษณ์ขอความเห็นเกี่ยวกับความรู้สึกเมื่อได้ทดลองใช้ 
 
        เท่านั้นยังไม่พอ "อาดิดาส" ก็ยังได้แอบนำลูกฟุตบอลชนิดนี้มาทดลองใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ด้วย (กับการออกแบบที่ต่างออกไป และไม่ได้มีการเปิดเผยผ่านสื่อ) รวมไปถึงในเกมกระชับมิตระหว่าง สวีเดน และ อาร์เจนตินา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาด้วย 
 
        ขณะที่ อันโตนิโอ เซอา ผู้อำนวยฝ่ายนวัตกรรมฟุตบอลของบริษัทผลิตภัณฑ์กีฬาสัญชาติเยอรมัน ได้เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่า "สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราก็คือการเน้นไปที่มุมมองความคิดเห็นของนักกีฬา รวมไปถึงในแง่ของเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน และข้อดีของการออกแบบมาในรูปแบบนี้ก็น่าจะทำให้ลูกฟุตบอลมีอัตราการลอยในอากาศที่นิ่งและแน่นอนมากยิ่งขึ้น" 




วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557

ภาพนี้ประทับใจผมมากเลยครับผม เด็กน้อยกับไอดอลของเขา



ถ่ายรูปคู่กับเนย์มาร์

หลังที่ในตอนท้ายของบราซิลชนะ 5-0 ที่เป็นมิตรกับแอฟริกาใต้ในโจฮัน, เด็กน้อยวิ่งเข้าสู่สนามที่กำลังมองหาเพื่อทักทายไอดอลของเขาและแน่ใจว่าพอเขาได้มีโอกาสที่ แม้จะโดนหน่วยรักษาความปลอดภัยจับตัว แต่เขาก็โดนเนย์มาร์อุ้มไป วิ่งไปกับเด็กผู้ชายที่เลือกเขาขึ้นมาและแนะนำให้เขารู้จักกับทีมงานทั้งหมด

นักเตะทีมชาติจับตัวเขาโยนขึ้น



ขนาดตอนเด็กยังเทพ ล่ะตอนนี้ก็โคตรเทพเลยอ่ะเขาคือ เมสซี่

น่าตาไม่เปลี่ยนเลยครับผม


ขนาดว่าตอนเด็กยังเทพตอนนี้ฟอร์มเลี้ยงหลบยิงกระจาย นี่คือ ลิโอเนล เมสซี่ นักฟุตบอลซุปเปอร์สตาร์ทีมชาติเจนติน่า ฟอร์มตอนนี้กระฉูด

สุดยอด'ป็อกบา'ครบเครื่องต้มยำอนาคตฝีเท้าแซงหน้าตน




ปาทริค วิเอร่า ตำนานทีมชาติฝรั่งเศสซูฮกรุ่นน้อง พอล ป็อกบา พัฒนาความสามารถเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วเหลือเชื่อมากถือเป็นนักเตะที่ครบเครื่องจนรู้สึกฝีเท้าแซงหน้าตัวเขาไปแล้วในอนาคตอันใกล้นี้

อดีตกัปตันอาร์เซนอลยอมรับเป็นแฟนพันธ์แท้ของแข้งวัย 20 ปีเฝ้าติดตามดูมาตลอดนับตั้งแต่ย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาอยู่กับ ยูเวนตุส กลายเป็นกำลังช่วยต้นสังกัดกลายเป็นเต้ยลูกหนังในแดนมะกะโรนี

"เมื่อเทียบกับผมล่ะก็ ป็อกบา เล่นเกมรุกมากกว่าตำแหน่งการเล่นของผมที่คิดถึงเกมรับไว้ก่อน" อดีตมิดฟิลด์แห่งยูเว่ยอมรับผ่านหนังสือพิมพ์ชื่อดังแห่งเมืองน้ำหอม ฟร้องซ์ ฟุตบอล

"เขาผลักดันไปข้างหน้ามากกว่า ดังนั้นเขาจึงพังประตูได้มากขึ้น นอกจากนี้เขามีเทคนิคที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนเขาเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์มากกว่าผมอีก"

"ด้วยศักยภาพของเขาสามารถพังประตูได้ 10-15 ประตูต่อปี การเล่นสามมิดฟิลด์เหมาะกับสไตล์ของเขา


http://www.soccersuck.com/

วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557

นายทวารซัดตูมไม่มีเหลือฟรีคิกอย่างงาม



หลุยส์ เดลกาโด้ ผู้รักษาประตูของทีม "มิลโลนาริออส" ทีมในลีกสูงสุดประเทศโคลอมเบีย ปั่นฟรีคิกสุดสวย ช่วยให้ทีมเอาชนะ ซานตา เฟ 2-1 ไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มีนามคม ที่ผ่านมา

โดยลูกยิงอันลือลั่นดังกล่าว เกิดขึ้นในนาที 81 ของเกมการแข่งขัน ขณะที่สกอร์ยังเสมอกันอยู่ 1-1 ทางฝั่งเจ้าบ้านมาได้ฟรีคิกจากระยะกว่า 30 หลา

หลุยส์ เดลกาโด้ ก็ขอรับอาสาเป็นคนยิงฟรีคิก และแล้ว กองเชียร์เจ้าบ้านก็ได้เฮกั่นลั่นสนาม เมื่อเขาบรรจงปั่นบอลเข้าเสียบก้นตาข่ายแบบสุดงาม พร้อมกันนี้ยังเป็นประตูชัยให้ทีมเอาชนะ ซานตาเฟ่ ไปได้ชนิดหวุดหวิด 2-1

ทั้งนี้ หลุยส์ เดลกาโด้ เคยทำประตูในลักษณะแบบนี้มาแล้ว 2  ลูก และประตูนี้ก็เป็นลูกที่ 3 ของเขาเรียบร้อยแล้ว

อะไรน่ะ150 ล้านหรอ ป๋าเผยเคยให้ผีเรียกสินสอดโด้กว่า8พันล้าน




 ย้อนอดีต! เฟอร์กูสัน เผย เคยแนะนำ ''ปีศาจแดง'' ให้เรียกเงินจาก ' 'ราชันชุดขาว'' 150 ล้านปอนด์ เป็นค่าสินสอด โรนัลโด้ แต่กิลล์ไม่เชื่อ

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตบรมกุนซือชาวสก็อต ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์หลับแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่า เขาคิดว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตัวรุกชาวโปรตุกีส ควรมีค่าตัวสูงถึง150 ล้านปอนด์(8250ล้านบาท) เมื่อครั้งที่ย้ายไป เรอัล มาดริด ทีมในลา ลีกา สเปน เมื่อปี 2009 แต่ท้ายสุดทั้ง 2 ฝ่ายก็สามารถตกลงค่าตัวกันได้ที่ 80 ล้านปอนด์

โร นัลโด้ กลายเป็นนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก หลังจาก "ปีศาจแดง" ตกลงขายให้กับ "ราชันชุดขาว" ในราคา 80 ล้านปอนด์(4400ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม เฟอร์กูสัน เชื่อว่ายูไนเต็ด สามารถโก่งค่าตัวของปีกตัวเก่งรายนี้ได้ถึง 2 เท่าเลยทีเดียว และเชื่อว่า ฟรอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด ก็พร้อมที่จะทุ่มซื้อเช่นกัน ทว่า เดวิด กิลล์ ซีอีโอ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับไม่เชื่อเช่นนั้น

เฟอร์ กี้ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ผมบอกกับ เดวิด กิลล์ ให้เรียกค่าตัวเขาไป150 ล้านปอนด์ แต่ เดวิดกลับบอกผมว่า อย่าบ้าน่า พวกเขาจะไม่ยอมจ่าย150 ล้านปอนด์ ให้เราแน่ๆ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมเจ็บปวด และ ผมยังคงพูดสิ่งนี้กับ เดวิด กิลล์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าเรายังได้ค่าตัวของเขาไม่มากพอ"

สำหรับ โรนัลโด้ เข้ามาร่วมทีมปีศาจแดงเมื่อปี 2003 ด้วยค่าตัว 12.8 ล้านปอนด์(704ล้านบาท) ลงเล่น196นัด ซัดไป 84ประตู ก่อนจะถูก เรอัล มาดริด คว้าตัวไปร่วมทีมเป็นสถิติโลก ในปี 2009 ลงสนามให้มาดริดทั้งสิ้น 157นัด ซัดไป 169ประตู