วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556

แว็งซ็องต์ ก็องปานี

แว็งซ็องต์ ก็องปานี  






ก็องปานี นักเตะดาวรุ่งชาวเบลเยี่ยม ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุด ในวงการลูกหนัง ยุโรป เมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) ที่ อูซเคิล, เบลเยี่ยม เคยค้าแข้งอยู่กับสโมสร ฮัมบูร์ก ทีมดังในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ก่อนย้ายทีมมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเวลาต่อมา โดยเล่นในตำแหน่ง กองหลังตัวกลาง
เริ่มต้นอาชีพค้าแข้่ง
2003-2006 : อันเดอร์เลชท์
ก็ องปานี เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของ อันเดอร์เลชท์ ในบ้านเกิดตั้งแต่อายุ 6 ขวบ และก็เล่นอยู่ที่นั่นจนกระทั่งอายุ 17 ปี จึงได้รับโอกาสเลื่อนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่
ต้อง นับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียวกับนักเตะตำแหน่งกองหลังที่มีโอกาสลงเล่นในทีมชุด ใหญ่ตั้งแต่อายุ 17 ปี เพราะการเล่นหลังนั้น อย่างน้อยที่สุดคงต้องมีประสบการณ์ เพราะไม่อย่างนั้นคงโดนกองหน้าเก่งๆ หลอกล่อจนเสียผู้เสียคน แบบกองหลังดาวรุ่งหลายๆ ดวง
แต่ ทว่าอายุ ไม่ได้เป็นปัญหาของ ก็องปานี แต่อย่างใด เพราะเจ้าตัวก็ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในระยะแรกๆ ไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างถาวรก็ตามที แต่ท้ายที่สุดก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็น 11 คนแรกได้อย่างสมบูรณ์
ตลอด เวลาที่ ก็องปานี ค้าแข้งอยู่ในลีกสูงสุดเมืองบ้านเกิด เจ้าตัวสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนสามารถคว้ารางวัลรองเท้าทองคำมา ครองได้หนึ่งสมัย (ปี 2004) ก่อนจะต้องพบกับโชคร้ายได้รับบาดเจ็บในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2005-2006 และต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บในที่สุด
ก็ องปานี ต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานานกว่า 2 เดือน ถึงจะกลับมาลงเล่นได้อีกครั้ง และในที่สุดเหตุการณ์ที่แฟนๆ ของ อันเดอร์เลชท์ หวาดกลัวก็เกิดขึ้น เมื่อต้นสังกัดที่อาศัยอยู่เริ่มเล็กเกินไปสำหรับนักเตะที่มีฝีเท้าระดับนี้
จริงๆ แล้วก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เมื่อมีบิ๊กเนมหลากหลายทีมให้ความสนใจที่จะคว้าตัว ก็องปานี ไปร่วมทีม แต่ที่มีข่าวอย่างหนักในช่วงนั้นคือ “โอแอล” โอลิมปิก ลียง ทีมแชมป์จากลีก เอิง แต่ในที่สุดก็เป็น “สิงห์เหนือ” ฮัมบูร์ก ที่มาเหนือเมฆ ได้ตัวไปร่วมทีมชนิดเรียกได้ว่าหักปากกาเซียน
2006-2008 : ฮัมบูร์ก
ใน วันที่ 9 มิถุนายน 2006 ก็องปานี ย้ายสู่ ฮัมบูร์ก ด้วยค่าตัว 8 ล้านยูโร สมัยนั้น ซึ่งคิดเป็น 424 ล้านบาทในสมัยนี้ แต่เมื่อเขาลงสนามให้ทีมไปเพียง 6 นัด เท่านั้น เขาก็มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอย่างรุนแรงในเดือนพฤศจิกายน จนทำให้ต้องพักยาวทั้งฤดูกาล อย่างไรก็ดี เขายังถูกเรียกเป็น 1 ใน 30 นักเตะทีมชาติเบลเยี่ยม ชุดทำศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2007 ยู-21
เข้า สู่ฤดูกาลที่ 2 ของ ก็องปานี ในแผ่นดิน เยอรมัน แม้เขาจะยังไม่สามารถเรียกฟอร์มการเล่นได้อย่างโดดเด่นเหมือนสมัยก่อน แต่ยังถือได้ว่าทำผลงานได้ตามมาตรฐานที่เขามี โดยนับถึงปัจจุบันลงเล่นให้ “สิงห์เหนือ” ไปแล้วทั้งสิ้น 31 นัด ยิงได้ 1 ประตู ซึ่งนั่น ก็ดีพอที่จะเรียกเขาติดทีมชาติเบลเยียม ชุดลุยศึกโอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่ง ในเดือนสิงหาคม





2008-ปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
วัน ที่ 22 ตุลาคม 2008 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่กำลังปรับทัพเพื่อเบียดแย่งอันดับท๊อปไฟว์ ได้ซื้อตัวกองปานีมาร่วมทีม ในราคา 6 ล้านยูโรโดยได้หมายเลขเสื้อเบอร์ 33 ทำผมงานได้ดีจนได้รับเลือกจากมาร์ค ฮิวจส์ ผู้จัดการทีม ให้ลงเล่นเป็นตัวจริงอยู่บ่อยๆ
ขอขอบคุณขอมูลจาก http://www.sport-idol.com
 

วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

คลาส ยาน ฮุนเตลาร์



คลาส ยาน ฮุนเตลาร์






















จาก "เพชฌฆาตพรายกระซิบ" สู่ดาวยิงหน้าม้า รุด ฟาน นิสเตลรอย มาถึงทายาทดาวยิงคนล่าสุดของวงการฟุตบอลแดนกังหันลม "เดอะ ฮันเตอร์" คลาส ยาน ฮุนเตลาร์ ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นความหวังใหม่ของแฟนบอลฮอลแลนด์ทุกคนคลาส ยาน ฮุนเตลาร์ เกิดที่อาชเตอร์โฮค หมู่บ้านเล็กๆในเดรมพต์ เป็นสมาชิกคนเล็กของบ้านฮุนเตลาร์ โดยมีพี่น้อง 2 คนซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมดคือนีค และเยล ฮุนเตลาร์ ซึ่งจากการที่พี่ทั้งสองคนเล่นฟุตบอลทำให้เจ้าหนูคลาส ยาน ของเราก็เล่นตามไปด้วยโดยเล่นในทีมเยาวชนท้องถิ่นเล็กๆที่ชื่อประหลาดๆว่า v.v.H. en K.เจ้าหนูคลาส ใช้เวลาร่ำเรียนวิชาลูกหนังในทีมนี้นานถึง 6 ปีและถูกแมวมองของทีมโก อเฮด อีเกิลส์ จีบตั้งแต่ยังอายุไม่กี่ขวบเนื่องจากพรสวรรค์ในเกมลูกหนังเตะตาแมวมองเต็มๆแต่สุดท้ายครอบครัวของฮุนเตลาร์ กลับปฏิเสธโอกาสดังกล่าวไปเนื่องจากติดปัญหาในเรื่องของการเดินทาง แต่สุดท้ายเขาก็ได้เซ็นสัญญาเป็นักเตะเยาวชนของทีมเดอ ราฟส์ชาพ เมื่ออายุครบ 11 ปีในช่วง 2 ปีแรกที่เล่นให้กับเดอ กราฟส์ชาพนั้น คลาส ยาน ฮุนเตลาร์ ได้เล่นในหลากหลายตำแหน่งไม่ว่าจะเป็นแบ็กซ้าย ปีกซ้าย กองกลางตัวรุก หรือแม้แต่เป็นผู้รักษาประตู ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้เรียนรู้ถึงเกมลูกหนังจากมุมมองที่แตกต่างกันจวบจนเข้าสู่ปีที่ 3 ของการเป็นนักเตะเยาวชนเขาก็ได้เล่นเป็นศูนย์หน้า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาถนัดที่สุดและเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุดด้วย และในช่วงวัย 14 ปี ฮุนเตลาร์ ก็สร้างชื่อด้วยการเล่นให้กับทีมชุดซี ของเดอ กราฟส์ชาพ และยิงไปถึง 33 ประตูจาก 20 นัดเท่านั้นผลงานดังกล่าวทำให้เขาโดนดันขึ้นสู่ทีมชุดบี1 และก็ยังคงถล่มประตูเป็นว่าเล่นอีก 31 ลูกในฤดูกาล 1999-00 จนทำให้ทีมยักษ์ใหญ่อย่างพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เซ็นสัญญาคว้าตัวไปร่วมทีมในเดือน มิ.ย.ปี 2000แม้จะย้ายไปอยู่กับทีมยักษ์ใหญ่แต่ฮุนเตลาร์ ยังคงมีระดับฝีเท้าที่เหนือกว่าเพื่อนร่วมรุ่นอย่างเห็นได้ชัดและก็กลายเป็นดาวซัลโวของลีกระดับเยาวชน แต่ก็ยังคงใช้เวลาในปีแรกกับทีมเอ1 ของพีเอสวีไปก่อน จนกระทั่งขวบปีที่สองถึงได้ถูกกุส ฮิดดิ้งค์ ซึ่งเป็นโค้ชทีมชุดใหญ่ในขณะนั้นดันขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่อย่างไรก็ตาม ฮุนเตลาร์ ไม่สามารถที่จะเบียดแทรกตัวเข้าทีมชุดใหญ่ของพีเอสวีได้ โดยเขาได้เล่นนัดประเดิมสนามด้วยการลงไปแทนดาวยิงประจำทีมอย่างมาเตย่า เคซมัน ในวันที่ 23 พ.ย.2002 ซึ่งพีเอสวีชนะขาดลอย 3-0 เหนืออาร์บีซี รูเซนดาล แต่นั่นก็เป็นการเล่นเพียงนัดเดียวในชีวิตของเขากับพีเอสวีฮุนเตลาร์ โดนส่งตัวให้กับเด กราฟส์ชาพ สโมสรเก่าใช้งานเพื่อเก็บประสบการณ์อีกครั้ง แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาผิดหวังเมื่อได้ลงเล่นแค่ 9 นัดและทำประตูไม่ได้เลย ซึ่งเด กราฟส์ชาพ ก็ตัดสินใจที่จะไม่เซ็นสัญญากับเขาอย่างถาวรความล้มเหลวในครั้งนี้ทำให้ฮุนเตลาร์ โดนส่งตัวไปให้กับสโมสรเล็กๆอย่างอาโกฟฟ์ อาเพลดูร์น ยืมตัวไปใช้งาน แต่ครั้งนี้มันถึงเวลาที่เพชฌฆาตหน้าใสจะแจ้งเกิดเสียที เมื่อเขายิงประตูได้ตั้งแต่เกมแรกที่ได้ลงเล่น และจากนั้นเขาก็เหมือนกับลูกระเบิดที่รอวันปลดชนวนอยู่นาน ฮุนเตลาร์ ยิงประตูได้เป็นว่าเล่นถึง 26 ประตูจาก 35 นัดในลีกและจบฤดูกาลด้วยการเป็นดาวซัลโวในที่สุด ทำให้ทีมอาโกฟฟ์ ถึงกับตั้งชื่ออัฒจันทน์ฝั่งหนึ่งว่าเป็น "คลาส ยาน ฮุนเตลาร์" เพื่อระลึกถึงจอมล่าตาข่ายรุ่นเยาว์เลยแจ้งเกิดไม่ทันไร ฮุนเตลาร์ ก็ต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางอนาคตของตัวเองเป็นครั้งแรกเมื่อพีเอสวี ยื่นสัญญาฉบับใหม่มาให้เซ็น แต่เขากลับเลือกที่จะปฏิเสธมันและเซ็นสัญญาย้ายไปอยู่กับฮีเรนวีน ด้วยค่าตัวเพียงแค่ 100,000 ยูโรเท่านั้น ซึ่งกลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของฮีเรนวีนฮุนเตลาร์ ยิงประตูได้ตั้งแต่เกมแรกก่อนที่จะยิงรวมได้ถึง 17 ประตูจากการเล่น 31 นัดในฤดูกาลแรกกับฮีเรนวีน และมันยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกในฤดูกาลที่ 2 ของเขาในปี 2005-06 เมื่อจบช่วงแรกของฤดูกาลเขาทำไปแล้วถึง 17 ประตูจากการเล่นแค่ 15 นัดเท่านั้นผลงานร้อนแรงดังกล่าวทำให้อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ตัดสินใจดึงตัวไปร่วมทีมทันทีด้วยค่าตัวถึง 9 ล้านยูโรเลยทีเดียวทว่าการเริ่มต้นกับทีมใหม่ครั้งนี้ไม่สวยงามเหมือนทุกครั้ง เมื่อเขาต้องใช้เวลานานถึง 5 นัดกว่าจะยิงประตูแรกให้กับทีมใหม่ได้ แต่หลังจากที่ยิงได้ฮุนเตลาร์ ก็ทำประตูได้เป็นว่าเล่นโดยในเดือน ก.พ. เพียงแค่เดือนเดียวก็ยิงไปถึง 9 ประตูจาก 7 นัดที่เล่นให้กับอาแจ๊กซ์จบฤดูกาล 2005-06 ฮุนเตลาร์ ยิงรวมได้ถึง 33 ประตูจาก 31 นัดในลีกที่เล่นให้กับฮีเรนวีนและอาแจ๊กซ์ คว้ารางวัลดาวซัลโวไปครองแบบไร้คู่แข่งในฤดูกาลต่อมา ฮุนเตลาร์ ก็ยังคงทำผลงานได้ร้อนแรงเหมือนเดิม โดยในช่วงก่อนออกสตาร์ทฤดูกาลก็ไปสร้างชื่อด้วยการทำประตูแรกในสนามเกมเปิดเอมิเรตส์ สเตเดียม ของทีม "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ในเกมเทสติโมเนียลแมตช์ของเดนนิส เบิร์กแคมป์ตำนานของทีมกันเนอร์สและเคยเป็นเด็กปั้นของอาแจ๊กซ์ด้วย แต่สุดท้ายอาร์เซนอลก็ชนะไปในเกมดังกล่าวด้วยสกอร์ 2-1หลังจากนั้นฮุนเตลาร์ ก็ยิงเป็นว่าเล่นไม่ว่าจะในรายการพรีเมียร์ดัตช์ หรือยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยูฟ่า คัพ ที่อาแจ๊กซ์ต้องร่วงลงมาเล่นหลังตกรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเขาก็ยิงไปถึง 8 ประตูจาก 7 นัดก่อนจะยิงรวมในลีกได้ 21 ประตูแต่โชคร้ายที่อาแจ๊กซ์ต้องพลาดแชมป์แบบหวุดหวิดในเกมสุดท้าย จนต้องเพลย์ออฟเพื่อหาทีมไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งสุดท้ายก็เอาชนะฮีเรนวีนทีมเก่าของพวกเขาและอาแซด อัลก์มาร์ ได้ตั๋วเข้าไปเล่นในถ้วยใบใหญ่ของยุโรปอีกครั้งทว่าอาแจ๊กซ์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับฤดูกาล 2007-08 เมื่อสองตัวหลักอย่างเวสลีย์ สไนเดอร์และไรอัน บาเบลย้ายออกไป ทำให้อาแจ๊กซ์เสียสูญและต้องรวงตกรอบคัดเลือกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อแพ้สลาเวีย ปราก และยังมาตกรอบแรกในศึกยูฟ่า คัพ อีกด้วยน้ำมือของดินาโม ซาเกร็บด้วยอย่างไรก็ดีฮุนเตลาร์ ยังคงทำผลงานได้ดีในลีกโดยทำคนเดียวถึง 4 ประตูในเกมแรกของฤดูกาลที่ต้องพบกับทีมเก่าของเขา เดอ กราฟส์ชาพที่เพิ่งเลื่อนชั้นมา ซึ่งอาแจ๊กซ์บุกไปชนะได้ถึง 8-1 และยังยิงประตูเรื่อยมาจนเวลานี้ซัดไปแล้ว 9 ประตูจาก 7 นัด และจะยังคงยิงต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งส่วนในเวทีทีมชาตินั้น ฮุนเตลาร์ ได้รับโอกาสจากมาร์โก ฟาน บาสเท่น ให้เข้ามาติดทีมชาติในช่วงหลังฟุตบอลโลก 2006 และตอบแทนความไว้วางใจด้วยการทำ 2 ประตูในเกมแรกที่พบกับไอร์แลนด์ แต่หลังจากนั้นก็ยังทำประตูไม่ได้และโดนรุ่นพี่อย่างรุด ฟาน นิสเตลรอยกลับมาเบียดตำแหน่งเสียด้วย
ฤดูกาล 2008/09 เป็นช่วงชีวิตที่แปรผันของฮุนเตล่าร์ เมื่อทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ซื้อตัวเขามาร่วมทีมด้วยจำนวนเงินมูลค่า 27 ล้านยูโร ซึ่งฤดูกาลแรกของฮุนกับทีมใหม่ถือว่าทำได้พอใช้ ลงเป็นตัวจริง 11 นัด(ทั้งหมด 20 นัด) ทำได้ 8 ประตูแต่อนาคของเขากับทีม เริ่มไม่ดีนัก จากการมาของประธานหน้าเก่าคใหม่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ซึ่งมีนโยบายทำทีมแบบกาลาคติกอส โดยได้กว้านซื้อนักเตะซูเปอร์สตาร์มาเพียบ รวมถึงในแดนหน้าอย่าง คาริม เบนเซม่าด้วย ซึ่งพอบวกรวมกับตัวเก่าๆคนอื่นแล้ว คงต้องเอาใจช่วยกันว่า ถ้าเขาอยู่กับทีมต่อไป เขาจะได้ลงเล่นมากน้อยขนาดไหน

ขอขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.sport-idol.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9F%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5/