วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

"อีกรอบไหม" เดอะแบ๊กกี้ส์ และ พญาเสือ ฝันยืม ฟอร์ลัน จากเซเรโซ่

เจ้าของสถิติผู้เล่นที่ติดทีมชาติอุรุกวัยมากสุดในประวัติศาสตร์ ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ เซเรโซ่ โอซาก้า ที่เพิ่งถูกลดชั้นลงไปเล่นเจ ทู ในปีนี้ เคยเล่นลีกเมืองผู้ดี 3 ฤดูกาลกับทัพ "ปีศาจแดง" ช่วงปี 2002-04 แต่ยิงได้แค่ 17 ประตู จาก 95 นัด รวมทุกรายการ โดยสกอร์แรกเกิดขึ้นหลังลงสนามไปแล้ว 27 เกม ก่อนจะเป็นดาวซัลโวสูงสุดของยุโรป ฤดูกาล 2004-05 (ร่วมกับ เธียร์รี่ อองรี) และ 2008-09 ตอนค้าแข้งในลา ลีกา สเปน รวมถึงเป็นดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2010 ร่วมกับ โธมัส มุลเลอร์
         โดยเวสต์บรอมวิช และ ฮัลล์ ซิตี้ ต่างมองว่าด้วยประสบการณ์ของฟอร์ลันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเกมรุกของพวกเขาให้ดีขึ้นได้(ผ่าน22นัดพรีเมียร์ลีกทั้งคู่ยิงได้20ประตูเท่ากัน)อีกทั้งเซเรโซ่ โอซาก้าตกชั้นไปสู่เจ ทู อาจปล่อยตัวออกจากทีมเพราะไม่อยากแบกภาระค่าเหนื่อย


Scott Sinclair ผ่านการตรวจร่างกายกับ Aston Villa แล้ว


รายงาน: Scott Sinclair ผ่านการตรวจร่างกายกับ Aston Villa แล้ว
มีรายงานว่า Scott Sinclair ได้ผ่านการตรวจร่างกายที่ Aston Villa เรียบร้อยแล้วก่อนที่เขาจะยืมตัวมาจาก Manchester City
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้จัดการทีมของ Aston Villa อย่าง Paul Lambert อ้างว่าเขาได้ยกเลิกตกลงเซ็นสัญญากับนักเตะของ City ไปแล้วหลังจากที่เจรจาข้อตกลงกันไม่ลงตัว
อย่างไรก็ตามการเจรจากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ในสัปดาห์นี้และตามที่ Sky Sports News รายงาน Sinclair ได้ผ่านการตรวจร่างกายกับ Villa แล้วและใกล้ที่จะเซ็นสัญญามาอยู่กับทีมแบบยืมตัวจนจบฤดูกาลนี้
Sinclair ได้มีโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับ City เพียงสองนัดตั้งแต่ที่เขาย้ายจาก Swansea City มาอยู่ที่ Etihad ในปี 2012

จัดทีม "ขาโหด" พรีเมียร์ ลีก เมื่อรวมตัวกันอะไรจะเกิดขึ้น




ดิเอโก กอสตา ดาวยิงทีมชาติสเปน ส่อถูกแบนย้อนหลัง 3 เกม หลังไปย่ำนักเตะ ลิเวอร์พูล แบบไม่เลือกหน้า ศึก แคปิตอล วัน คัพ รอบรองชนะเลิศ นัด 2 เปิด สแตมฟอร์ด บริดจ์ ช่วย เชลซี ต่อเวลาชนะ 1-0 รวม 2 นัดเข้าชิงด้วยสกอร์ 2-1 เมื่อวันอังคารที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ดังนั้น "เทเลกราฟ" จึงถือโอกาสจัดทีม "ขาโหด" พรีเมียร์ ลีก มาฝากกันแบบทันใจเลย
ดิเอโก กอสตา - หอกทีมชาติสเปน เพิ่งย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด เมื่อซัมเมอร์แท้ๆ แต่ก็ทำให้ เชลซี ถูกแซวด้วยการเปลี่ยนชื่อสนามจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็น สแตมป์ฟอร์ด บริดจ์ จากพฤติกรรมเกม แคปิตอล วัน คัพ รอบรองชนะเลิศ นัด 2 เปิดบ้านต่อเวลาชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 เข้าชิงด้วยสกอร์รวม 2-1 เพราะย่ำแหลกทั้ง สตีเวน เจอร์ราร์ด, เอ็มเร ชาน และ มาร์ติน สเคอร์เทล
จอห์น ฟาชานู - เคยเป็นหนึ่งในขุนพล "เครซี แก๊ง" ดังนั้นการันตีความแสบ สำหรับ ฟาชานู อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ โดยฤดูกาล 1993-94 ถูกวิจาร์ณอย่างหนัก เนื่องจากไปอัด แกรี แม็บบัตต์ ปราการหลัง ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ จนกระทั่งกะโหลกร้าวมาแล้ว
ลี แคทเทอร์โมล - อดีตกองกลาง มิดเดิลสโบรช์ กับ วีแกน แอธเลติก ปัจจุบันปัดกวาดให้กับ ซันเดอร์แลนด์ โดยพฤติกรรมการเล่นหนักแบบไม่ดูตาม้าตาเรือพิสูจน์จากสถิติการรับ 8 ใบแดง ส่วนใบเหลืองไม่ต้องพูดถึงหลัก 100 ใบนั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน เพราะอายุยังแค่ 26 ปี
ปาทริค วิเอรา - มิดฟิลด์ระดับตำนานของ อาร์เซนอล เด่นทั้งรุกและรับพิสูจน์จากเกียรติยศแชมป์โลก 1998 กับแชมป์ ยูโร 2000 ในนามทีมชาติฝรั่งเศส แต่ตลอดการเล่นบนเวที พรีเมียร์ ลีก เคยได้ใบแดงถึง 8 ใบ ซึ่งก็โอดครวญกับกรรมการเมืองผู้ดีว่าเพ่งเล็งเล่นงานนักเตะต่างชาติมากเกินไป ทว่าพฤติกรรมเคยงัดกับ รอย คีน มิดฟิลด์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้ว
พอล สโคลส์ - เคยเป็นกองกลางระดับมันสมองทีมชาติอังกฤษ อย่างไรก็ตามมักจะเข้าบอลจังหวะที่ไม่ควรหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าอายุอานามจะเยอะแล้วแต่ไม่เคยเปลี่ยน ขนาดเกมสุดท้ายอำลาสนามยังโดนใบเหลืองทิ้งทวน เพราะคิดจะเตะก็เตะเอาดื้อๆ โดยเมื่อปี 2003 เคยถูกแบน 3 เกมเพราะอัดหนักใส่ โดริวา แข้ง มิดเดิลสโบรช์
โจอี บาร์ตัน - คนนี้จะสาธยายความโหดต้องใช้เป็นหน้ากระดาน เพราะกัดไม่เลือกหน้าทั้งในและนอกสนาม รวมถึงเพื่อนร่วมค่าย ปัจจุบันเล่นให้ ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส โดยเคยติดคุกมาแล้วด้วย นอกจากนี้ตอนอยู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี ต่อย อุสมัน ดาโบ จนหน้าปูด ส่วนปี 2013 เกมนัดสุดท้าย พรีเมียร์ ลีก ก็อัดทั้ง คาร์ลอส เตเบซ และ เซร์คิโอ อกูเอโร 2 ดาวยิง "เรือใบสีฟ้า"
เบน แธตเชอร์ - แบ็กซ้ายที่เคยเล่นให้ วิมเบิลดัน ผลผลิตจากทีมนี้ล้วนโหดถึงดีเอ็นเอ สังเกตได้จากสีหน้าท่าทางและภาพประกอบ โดยเมื่อปี 2006 เคยจงใจศอกใส่ เปโดร เมนเดส กลางโปรตุเกสที่เล่นให้ ปอร์ทสมัธ มาแล้ว เกิดขึ้นภายใต้สีเสื้อ แมนเชสเตอร์ ซิตี
มาร์ติน คีโอว์น - เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ใครเห็นหน้าก็ผวาแล้ว โดยสมัยเล่นให้ อาร์เซนอล ถือว่าเป็นแบ็กโฟร์ที่แข็งแกร่งมาก แต่สิ่งที่ไม่น่าประทับใจก็คือ 6 ใบแดงกับ 56 ใบเหลือง แต่ที่ติดตาคือเกมที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วิ่งเข้าไปตะคอกใส่หน้า รุด ฟาน นิสเตลรอย หอกเลือดดัตช์ ที่พลาดจุดโทษสำคัญเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
โยนาส โอลสัน - ปราการหลังทีมชาติสวีเดน ของ เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน วัย 31 ปี อาจจะเป็นรายชื่อที่ติดเข้ามาด้วยความประหลาดใจไม่น้อย แต่ก็เป็นเพราะสถิติสุดเลวร้ายเมื่อฤดูกาลที่แล้วที่ถูกจดชื่อในใบเหลืองถึง 10 ครั้ง
แดนนี มิลล์ส - อดีตแบ็กขวาทีมชาติอังกฤษ เคยสร้างชื่อกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี ปัจจุบันสวมบทเป็นคอมเมนเตเตอร์ ลีลาการเล่นดุดันถือเป็นคนที่บรรดาปีกซ้ายทุกคนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงที่ต้องเผชิญหน้าด้วย เพราะเกรงว่าจะต้องพักยาวด้วยอาการขาหัก
ปีเตอร์ ชไมเคิล - ตำแหน่งผู้รักษาประตูจะหาขาโหดได้อย่างไร เนื่องจากไม่ต้องวิ่งพล่านปะทะคู่ต่อสู้ แต่ทว่า "ยักษ์เดนส์" อดีตนายทวารที่ดีที่สุดในโลกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีลีลาที่ดุดันใส่กองหลังของตนเอง หากใครประกบคู่ต่อสู้ไม่ดี หรือปล่อยให้ยิงแบบง่ายๆ จนเขาต้องทำงานหนักมีโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนหน้าแดงเลยทีเดียว

10 ขุมกำลัง เรือใบ ยุค เปเยกรินี่ ผ่าน หรือ ไม่

กลายเป็น 1 สายตาที่โลกต้องจับจ้องอย่างไร้ข้อสงสัยกับสถานการณ์การลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ณ ปัจจุบัน ว่าผู้ใดนั้นจะเป็นฝ่ายที่ก้าวจุดสุดยอดกันแน่....แน่นอนว่าเส้นทางการแข่ง ขันนั้นได้ดำเนินมาไกลแล้วพอสมควร...ไกลพอที่จะพอเห็นเค้าลางแล้วว่า...ทีม ใดลุ้นทำอันดับไปพื้นที่ยุโรป...และทีมใดลุ้นเถลิงบัลลังก์ถ้วยแชมป์ ?????
1 ทีมที่มีถึงลุ้นแชมป์ตลอดช่วงที่ผ่านมาอย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บางคนคงจะลืมไปแล้วว่า เมื่อแต่ก่อนพวกเขาไม่ใช่ทีมที่แข็งแกร่งอะไร...เป็นแค่ทีมที่อยู่ในอันดับ กลางตาราง...หรืออออ....บางที่ก็ต้องดิ้นรนในการหนีตกชั้น แต่แล้วจุดแล้งไร้ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมมานานกว่า 32 ปีก็ได้ยุติลงจนเกิดเป็นจุดเปลี่ยนแห่งความยิ่งใหญ่ เมื่อ "กลุ่มทุนจากอาบูดาบี" เศรษฐีน้ำมันอันดับต้นๆ ของโลกนั้น "กล้าได้กล้าเสีย" หลังตัดสินใจเข้ามาฮุบกิจการที่ แมนฯ ซิตี้ พร้อมกับเงินจำนวนมหาศาล
ภายหลังจากปูโครงสร้างวางระบบใหม่ "เรือใบสีฟ้า" ใช้เวลาในระยะราวๆ 3 ปีในการก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในรอบ 44 ปีภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ก่อนจะถูกปลดไปและเป็น มานูเอล หลุยส์ เปเยกรินี่ จนถึงปัจจุบัน แถมยุคของ เปเยกรินี่ นั้นดูเหมือนจะถูกเปรียบเทียบว่าผลงานนั้นดีกว่ายุคของ "มันโช่" อีกด้วย
ไม่นานมานี้ "มันโช่" เองก็ออกมาลั่นวาจาว่า แมนฯ ซิตี้ ภายใต้บัลลังก์ เปเยกรินี่ ที่ประสบความสำเร็จได้นั้นส่วนสำคัญเลยเป็นเพราะเจ้าตัวนั้นเป็นผู้ดึงนัก เตะตัวสำคัญๆ หลายรายมาร่วมทีม ไม่ว่าจะเป็น ยาย่า ตูเร่, ซาเมียร์ นาสรี่, ดาบิด ซิลบา และ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"
คำพูดของ มันชินี่ จะเป็นจริงไหม ??? ความจริงนั้นจะเป็นเช่นไร ??? บทพิสูจน์ข้อนี้เราได้หยิบยกมาแจกแจงกันถ้วนหน้า โดยอ้างข้อมูลจาก เว็บไซต์ "เดลี่ เมล" ซึ่งเป็นการรวมและวิเคราะห์ 10 ผู้เล่นที่ เปเยกรินี่ นั้นได้เซ็นสัญญาเข้ามาตลอดช่วงกุมบังเหียนที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ใครจะ ผ่าน หรือ ไม่ผ่าน นั้น...ไปดูกันเลย
1. แฟร์นานดินโญ่

30 ล้านปอนด์ จาก ชัคเตอร์ โดเน็ทส์ค
เป็นนักเตะที่ย้ายมาค่อนข้างราคาสูงเลยทีเดียว แต่ย้ายมาก็ไม่ทำให้สโมสรและแฟนบอลผิดหวังกับการเล่นได้เข้าระบบทีมและจับ คู่กับ ยาย่า ตูเร่ ได้อย่างลงตัวในตำแหน่งคู่กลางตัวตัดเกม โดยตอนที่ย้ายมาซีซั่นแรกนั้นนับว่ามีส่วนกับประตูที่ แมนฯ ซิตี้ ยิงได้ถึง 20 ประตูเลยทีเดียว นับว่าเล่นคุ้มกับค่าตัว 30 ล้านปอนด์ได้โอเคเลย
////////////////////////////////////////////////////////////////////
2. อัลบาโร่ เนเกรโด้

20 ล้านปอนด์ จาก เซบีย่า
หัวหอกร่างยักษ์ซึ่งมีทักษะการยิงประตูที่ดีทั้งจากขาและศีรษะ เนเกรโด้ ตะบันไป 23 เกมจากทุกรายการตั้งแต่เดือน สิงหาคม จนถึงปลายเดือน มกราคม ปี 2014 และแล้วจากนั้นก็เจอกับอาการบาดเจ็บที่ไหล่เล่นงาน ท้ายที่สุดพอหายเจ็บกลับมาก็ไม่สามารถยิงประตูได้เหมือนเดิม จนต้องเสียตำแหน่งให้กับ เอดิน เชโก้ และซีซั่นนี้ก็ย้ายไปอยู่กับ บาเลนเซีย แบบยืมตัว แต่ดูแล้วพอจบฤดูกาลเจ้าตัวน่าจะถูกขายทิ้งถาวร เพราะตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ มีกองหน้าอยู่ถึง 4 คน
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
3. เฆซุส นาบาส

14.9 ล้านปอนด์ จาก เซบีย่า
เหมือนเจ้า นาบาส นั้นจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้จัดการทีมเป็นพิเศษ แต่กลับแฟนบอลเหมือนจะไม่ใช่นะ นาบาส ลงเล่นไปแล้ว 32 เกมจากทุกรายการในตอนนี้้ ยิงได้ 1 ประตู และ แอสซิสต์ 8 ครั้ง ซึ่ง "เดลี่ เมล" มองว่าโอกาสในการได้รับนั้นค่อนข้างจะสม่ำเสมอ แต่ผลงานกลับไปสมดุลกับโอกาสนั้น จึงประเมินออกมาว่า ไม่ผ่าน
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
4. มาร์ติน เดมิเคลิส

4.2 ล้านปอนด์ จาก แอธเลติโก มาดริด
ย้ายมาแรกๆ แนวรับรายนี้ก็ต้องต่อสู้กับการปรับตัวอย่างหนัก เพราะว่าบอล สเปน กับ อังกฤษ นั้นมันต่างกันอย่างชัดเจน แต่สุดท้ายความพยายามก็เป็นผลสำเร็จและสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มากมาย ส่วนการจับคู่กับกัปตันทีม แว็งซ็องต์ ก็องปานี ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กก็ทำได้ยอดเยี่ยมทีเดียว และก็เป็นตัวหลักในปีนี้ด้วย
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
5. แฟร์นานโด

12 ล้านปอนด์ จาก เอฟซี ปอร์โต้
ปกติแล้วนักเตะที่ได้ค้าแข้งและเป็นผู้เล่นตัวหลักของ เอฟซี ปอร์โต้ มักได้ชื่อว่าเป็นขุมทรัพย์อันล้ำค่า เวลาได้ย้ายไปไหนก็มักจะทำผลงานได้ดี แต่ไฉนเจ้าตัวกลับไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาเป็นตัวจริงของ แมนฯ ซิตี้ ได้ ซึ่งบางทีอาจจะเป็นเพราะว่า แฟร์นานดินโญ่ และ ยาย่า ตูเร่ จับคู่กันได้ลงตัวอยู่แล้วก็เป็นได้
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
6. เอเลียกิม ม็องกาล่า

40 ล้านปอนด์ จาก เอฟซี ปอร์โต้
ในตอนที่ยังอยู่กับ ปอรโต้ นั้นเจ้า ม็องกาล่า ขึ้นชื่อว่าเป็นกองหลังที่เนื้อหอมที่สุดในช่วงนั้น ไม่ว่าจะเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล, เชลซี หรือ บาร์เซโลน่า ก็ให้ความสนใจด้วยกันทั้งนั้น ก่อนท้ายที่สุดมาลงเอยที่ แมนฯ ซิตี้ ด้วยค่าตัวที่แพงโคตรๆ เลย แต่จนป่านนี้นักเตะก็ยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้ แถมยังทำผิดพลาดบ่อยครั้งอีกด้วย ซึ่งถ้าจะพูดว่านี่คือการเซ็นสัญญาที่แย่ที่สุดของ "เรือใบสีฟ้า" ในปีนี้ก็คงจะพูดได้นะ
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
7. บาการี่ ซาญ่า

ฟรี จาก อาร์เซน่อล
บางทีตอนนี้ตัวของ ซาญ่า อาจจะคิดได้ว่าอยู่กับ อาร์เซน่อล น่าจะดีอยู่แล้ว เพราะว่าการได้ย้ายมาใช้ชีวิตยังถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม นั้นเจ้าตัวไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงกับ ปาโบล ซาบาเลต้า ได้เลย โดยปีนี้ได้ลงเล่นไปเพียง 6 เกมเท่านั้นในลีก ซึ่งบางทีช่วงซัมเมอร์อาจถูกโละทิ้งก็เป็นได้ หากมีทีมสนใจ
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
8. วิลลี่ กาบาเยโร่

4.4 ล้านปอนด์ จาก มาลาก้า
กาบาเยโร่ นั้นเป็นนายทวารเบอร์ 1 ในดวงใจของ เปเยกรินี่ สมัยร่วมงานกันที่ มาลาก้า ก่อนท้ายที่สุดจะได้มาร่วมงานอีกครั้งที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม แต่ว่าผลลัทธ์ที่เกิดขึ้นนั้นช่างน่าเห็นใจยิ่งนัก เพราะว่า โจ ฮาร์ท โชว์ฟอร์มได้เหนียวหนึบอยู่แล้ว ถึงแม้จะมีดร็อปๆ ไปบ้าง แต่ กาบาเยโร่ ก็ไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาได้เสียที ส่วนใหญ่จะได้เล่นแค่รายการบอลถ้วยเท่านั้น
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////
9. สเตฟาน โยเวติช

22 ล้านปอนด์ จาก ฟิออเรนติน่า
โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับ ฟิออเรนติน่า จนเตะตาเหล่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่มากมาย ก่อน "เรือใบสีฟ้า" จะเป็นฝ่ายได้ตัวมาในท้ายที่สุด แต่ไม่รู้นรกแกล้งหรือสวรรค์แกล้งย้ายมาปุ๊บก็เจ็บปั๊บเลย ซึ่งถ้าจำไม่ผิดฤดูกาลที่แล้วนี่แทบจะเจ็บทั้งปีเลยนะ แม้ซีซั่นนี้จะกลับมาทำผลงานได้ดี แต่ก็แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ยังไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนตอนอยู่ อิตาลี
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
10. แฟร้งค์ แลมพาร์ด

ฟรีเอเยนต์ จาก เชลซี
นี่คงจะเป็นผู้เล่นที่คุ้มค่าที่สุดในเหล่าบรรดาทั้งหมดที่ เปเยกรินี่ ได้ตัวมา เพราะว่าได้ตัวมาแบบฟรีๆ แล้ว ยังทำประโยชน์ให้กับทีมได้ล้นหลามอีกด้วย โดยเฉพาะประตูสำคัญที่ชี้เป็นชี้ตาย ซึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ ประตูชัย ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 3-2, ประตูชัย 1-0 ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ และที่แฟนๆ "สิงห์บลูส์" จำได้แม่นก็คือการยิงทีมรักเก่า เชลซี ช่วงท้ายเกม และเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ซึ่งรวมๆ แล้วช่วยให้ทีม +7 แต้ม ต้องบอกเลยว่าถ้าไม่ได้ แลมพาร์ด นี่ จากปัจจุบันที่ตามอยู่ 5 แต้มจะกลายเป็นมากถึง 12 แต้มเลยทีเดียว

คอนเฟิร์ม!นักธุรกิจไทยเทคโอเวอร์เค้าแมวแล้ว



"นกเค้าแมว" เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ สโมสรระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ออกมาเปิดเผยว่า เดชพล จันศิริ นักธุรกิจชื่อดังชาวไทย บรรลุข้อตกลงในการเข้ามาเทกโอเวอร์กิจการสโมสรเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา
นายเดชพล เปิดเผยกับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ เชฟฯ เว้นส์เดย์ ว่า "ผมตื่นเต้นมากกับการเข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรจาก มิลาน (มันดาริช ประธานสโมสรเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์) ผมเชื่อว่าสโมสรนี้มีศักยภาพมากมายและผมสามารถให้คำสัญญากับแฟนบอลของเราว่า ผมจะทำงานอย่างหนักเพื่อนำความสำเร็จมาสู่ที่นี่ซึ่งผมรู้สึกได้หลังจากที่ มาอยู่ในเมืองนี้ไม่นานว่าแฟนบอลของเราต้องการสิ่งนี้อย่างมาก"

"ลูกชายของผม ที่เพิ่งไปเป็นมัสค็อตให้ทีมในเกมกับ แบล็คพูล เมื่อไม่นานมานี้ คลั่งไคล้ในเกมฟุตบอลและผมรู้ว่ามันจะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับผมในโ๕รงการนี้ ผมให้สัญญาแบบเดียวกันกับเขาอย่างที่ให้กับแฟนบอล เขาจะไม่ทำให้ผมลืมสัญญานี้จนกว่าเราจะกลับขึ้นไปเล่นใน พรีเมียร์ลีก ได้อีกครั้ง"
นอกจากนี้ เดชพล เปิดเผยด้วยว่าเจ้าตัวให้การช่วยเหลือด้านการเงินกับ "นกฮูก" ในการเสริมทัพด้วยการยืมนักเตะจาก ลูอิส เบเกอร์ กองกลางจาก เชลซี และ วิลล์ คีน กองหน้าจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงตลาดนักเตะเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา
"ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ช่วย มิลาน ในแผนการของเขาในการเสริมความแข็งแกร่ง และผมหวังว่าทุกอย่างได้รับการตกลงแล้วและเราจะทำงานด้วยกันในการเสริมทีม ก่อนปิดตลาดนักเตะในเดือนนี้ เรามีเวลาไม่นานแต่เราจะทำงานร่วมกันอย่างหนักในการเสริมทีมสำหรับช่วงครึ่ง หลังของฤดูกาลนี้"

สำหรับ นายเดชพล จันศิริ นับเป็นนักธุรกิจชื่อดังในประเทศไทย โดยทำธุรกิจครอบครัวคือ ไทย ยูเนี่ยน โฟรเซ่น กรุ๊ป (ทียูเอฟ) บริษัทผลิตทูน่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก