วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557

10 อันดับนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก





อันดับ 10 เมซุต โอซิล

เมซุต โอซิล เพลย์เมคเกอร์ซ้ายธรรมชาติของเยอรมัน ย้ายจากยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา เรอัล มาดริดมาอยู่เล่นในพรีเมียร์ลีกกับปืนใหญ่อาร์เซนอลเมื่อต้นฤดูกาล 2013 ด้วยค่าตัว 42.4 ล้านยูโร รั้งอันดับ 10 ของนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก และเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร

อันดับ 9 ซีเนดีน ซีดาน

เพลย์เมคเกอร์จอมทัพฝรั่งเศสในตำนานอย่าง “ซิซู” หรือซีเนดีน ซีดาน เคยสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักฟุตบอลค่าตัวแพงที่สุดในโลกเมื่อปี 2001 ด้วยการย้ายจากยูเวนตุสไปเรอัล มาดริด ในสนนราคา 46 ล้านยูโร ซึ่งนับว่ามากโขสำหรับยุคนั้น

อันดับ 8 เนย์มาร์

จอมลากเลื้อยลีลาเด็ดจากถิ่นแซมบ้าสร้างสถิติค่าตัวแพงเป็นอันดับที่  8 ของโลก หลังจากโชว์ฟอร์มร้อนแรงกับซานโตสจนเข้าตาทีมต่างดาวอย่างบาร์เซโลนาและย้าย มาอยู่ถิ่นคัมป์นูด้วยค่าตัวถึง 48.6 ล้านยูโรเมื่อต้นฤดูกาล 2013

 อันดับ 7 เฟอร์นานโด ตอร์เรส

ดาวยิงหน้าหล่อเลือดสเปน เฟอร์นานโด ตอร์เรส ทำสาวกเดอะคอปแทบใจสลายเมื่อตัดสินใจย้ายมาอยู่กับเชลซีเมื่อปี 2011 ด้วยค่าตัวถึง 50 ล้านยูโร แต่จากฟอร์มการเล่นในช่วงแรกนั้นส่งสัญญาณว่าเป็นการซื้อตัวที่ไม่คุ้มค่า เอาเสียเลย อย่างไรก็ตามเขาเริ่มเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้เรื่อยๆ ในปัจจุบัน แม้ว่ายังไงก็เทียบกับฟอร์มอันร้อนแรงเมื่ออยู่กับลิเวอร์พูลไม่ได้ก็ตาม

 อันดับ 6 ราดาเมล ฟัลเกา

ราดาเมล ฟัลเกา ศูนย์หน้าระดับโลกของโคลอมเบีย คือหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตามองที่สุดในฟุตบอลโลก 2014 หลังจากเขาพาทีมชาติผ่านไปเล่นรอบสุดท้ายที่บราซิลได้สำเร็จ ส่วนระดับสโมสร เขาคือนักฟุตบอลค่าตัวแพงอันดับที่ 6 ด้วยการย้ายจากแอตแลนติโก้ มาดริดไปเอเอส โมนาโก ในราคา 51 ล้านยูโร เมื่อต้นฤดูกาล 2013

 ลำดับ 5 เอดิสัน คาวานี

รองจากหลุยส์ ซัวเรสแล้ว ศูนย์หน้าอุรุกวัยที่น่าจับตามองที่สุดเห็นจะเป็นเอดิสัน คาวานี เพราะเขาคือเจ้าของสถิติค่าตัวแพงเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยย้ายจากนาโปลีไปปารีสแซ็ง-แฌร์แมงในต้นฤดูกาล 2013 ด้วยค่าตัวสูงถึง 55.6 ล้านยูโร

 อันดับ 4 ริคาร์โด้ กาก้า

เพลย์เมคเกอร์รูปหล่อเลือดแซมบ้าทำสถิติเป็นนักเตะค่าตัวแพงอันดับ 4 ของโลกในครั้งที่ย้ายจากปีศาจแดงดำ เอซี มิลานไปยังราชันชุดขาว เรอัล มาดริดในปี 2009 ด้วยค่าตัว 56 ล้านยูโร แต่แล้วเขาก็ย้ายกลับถิ่นซานซิโรมาอยู่กับมิลานอีกครั้งเมื่อต้นฤดูกาล 2013

อันดับ 3 ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

เจ้าบุญทุ่มบาร์เซโลนา ได้ทุ่มทุนครั้งใหญ่เพื่อคว้าตัวดาวยิงซูเปอร์สตาร์ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช จากอินเตอร์มิลานในปี 2009 ด้วยข้อเสนอเป็นเงิน 40 ล้านยูโรบวกกับซามูเอล เอโต้ ศูนย์หน้าชาวแคเมอรูน ทำให้ดาวยิงสวีดิชรายนี้มีค่าตัวราวๆ 60 ล้านยูโรในครั้งนั้น ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก

อันดับ 2 คริสเตียโน โรนัลโด้

คริสเตียโน โรนัลโด้ ได้รับขนานนามจากแฟนบอลว่าเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ซึ่งกินกันไม่ลงกับลีโอเนล เมสซี่ของบาร์เซโลนา ดังนั้นการย้ายจากปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาอยู่กับเรอัล มาดริดในปี 2009 ด้วยค่าตัวสูงเป็นประวัติกาลถึง 80 ล้านยูโร จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม สถิตินี้ได้ถูกทำลายลงแล้วเมื่อต้นฤดูกาล 2013…

อันดับ 1 แกเร็ธ เบลล์

เรอัล มาดริด สร้างสถิติใหม่ในการซื้อตัวนักเตะแบบช็อกโลกอีกครั้ง เมื่อพวกเขาทุ่มเงินถึง 85.3 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัวแกเร็ธ เบลล์ ปีกจรวดสัญชาติเวลส์จากสเปอร์ส หลังจากดาวเตะรายนี้โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงกับอดีตต้นสังกัด แต่เมื่อดูจากผลงานและชื่อชั้นแล้ว คล้ายว่าเบลล์จะเป็นรองโรนัลโด้อยู่พอควร ทำให้เกิดคำถามตามมามากมายว่าเขาคุ้มค่ากับเงินจำนวนมหาศาลนั้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เบลล์เริ่มที่จะเรียกฟอร์มเก่งเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้แฟนบอลทั่วโลกเห็นแล้ว ว่าเขาคือนักเตะที่คู่ควรกับค่าตัวแพงที่สุดในโลกอย่างแท้จริง ทั้งนี้ไม่แน่ว่าในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะในเดือนมกราคมนี้ จะมีใครมาทำลายสถิติอันสูงลิบนี้ลงได้หรือไม่


วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

พาร์ค ชี ซอง Ji-Sung Park แข้งผีแดงจากเกาหลีใต้




นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมยูไนเต็ดในปี 2005 ปาร์ค จีซองก็แสดงให้ทุกคนได้เห็นมาตลอด ว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการขยายตลาดสู่เอเชีย หากแต่เขาคือสมาชิกคนสำคัญคนหนึ่งในทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ปาร์คเริ่มต้นการค้าแข้งนอกดินแดนกิมจิด้วยการข้ามฟากไปเล่นให้กับ เกียวโต เพอร์เพิ่ล ซันงะ ในประเทศญี่ปุ่น และความสามารถอันเอกอุเหนือนักเตะเอเชียทั่วๆไป ก็ทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนโปรดของ กุส ฮิดดิงค์ ผู้ซึ่งพาทีมชาติเกาหลีใต้ทะลุเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2002 จากนั้นเมื่อฮิดดิงค์วางมือจากทีมชาติ เขาก็เลือกที่จะหนีบปาร์คไปร่วมงานด้วยที่สังกัดใหม่ - พีเอสวี

ปาร์คสร้างชื่อกึกก้องหลังจากยิงประตูเอซี มิลานในรอบรองชนะเลิศแชมเปียนส์ ลีก และมีส่วนสำคัญช่วยให้พีเอสวีก้าวขึ้นมาคว้าดับเบิ้ลแชมป์ด้วย ในระหว่างนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ส่งแมวมองติดตามผลงานของปาร์คไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง ก่อนที่จะเซ็นสัญญาคว้าเขามาร่วมทีมด้วยค่าตัวประมาณ 4 ล้านปอนด์ ในปี 2005

ปาร์คทำผลงานให้กับยูไนเต็ดได้อย่างน่าพอใจ และสะสมเหรียญแชมป์มาครองอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าเขาจะถูก เซอร์ อเล็กซ์ ตัดชื่อออกจากนัดชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ ลีกในปี 2008 แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่าเขามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งยวดในชัยชนะเหนือโรม่า และบาร์เซโลน่าในรอบก่อนหน้านั้น

ปาร์คเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่าในซัมเมอร์นั้น ก่อนที่จะคัมแบ็คกลับมาด้วยการทำประตูช่วยทีมยันเสมอเชลซี 1-1 ในเดือนกันยายน ปาร์คมักจะเล่นได้อย่างโดดเด่นเสมอในเกมใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการคุมจังหวะในแดนกลางในเกมที่ "ปีศาจแดง" เอาชนะเอซี มิลาน ในแชมเปียนส์ ลีก หรือการทำประตูทั้ง อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล คู่แข่งสำคัญในการลุ้นแชมป์ลีก

และแม้ว่าปีที่ผ่านมา ปาร์คจะหายหน้าหายตาไปจากทีมถึง 3 เดือนเต็ม จากอาการบาดเจ็บ และการกลับไปรับใช้ชาติในศึกเอเชียนคัพ แต่บางทีฤดูกาล 2010/11 นี่แหละ อาจจะเป็นปีที่เขาเล่นดีที่สุดเลยก็เป็นได้ สไตล์การเล่นที่ไม่เคยหวงบอลของเขายังคงสร้างประโยชน์ให้แก่ทีมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้รับคำชมมากมายทั้งจากผู้จัดการทีม เพื่อนร่วมทีม และบรรดาแฟนๆ นอกเหนือจากนั้นเขายังพัฒนาในเรื่องการทำประตูขึ้นไปอีกระดับ เมื่อเขาทำได้ถึง 8 ประตูในฤดูกาลเดียว

ปาร์คตัดสินใจปลดเกษียณตัวเองจากการรับใช้ชาติหลังจบศึกเอเชียนคัพ เมื่อเดือนมกราคม 2011 และตอนนี้เขาก็พร้อมที่จะพุ่งสมาธิมาที่การรับใช้สโมสรแต่เพียงอย่างเดียวแล้ว





สมัยเล่นให้กับpsvในถ้วยยูฟ่า


เซ็นสัญญากับpsv

และย้ายมาเล่นให้กับแมนยู

และหมดสัญญากับแมนยูเจ้าตัวก็ย้ายมาเล่นให้กับควีนสปาร์ค



จูเลี่ยน แดร็กซ์เลอร์ (Julian Draxler) ดาวรุ่งแห่งเยอรมันนี

ครับตามข่าวที่ผมอ่านมาคือว่าอาร์เซนอลได้ตกลงค่าตัวของจูเลี่ยน แดรกเลอร์ คาดว่าจะมีค่าตัวประมาณ 30 ล้านปอนด์เลยที่เดียวนับว่าเยอะครับผมสำหรับดาวรุ่งคนนี้ครับครับโดยเจ้าหวังว่าจะสามารถติทีมชาติเยอรมันได้ครับผม โดยแดรกเลอร์เป็นผลผลิตดาวรุ่งเจ้าอคาเดมีของชาลเก้ 04 ครับผม
ฝีมือนั่นไม่เป็นรองใครแน่นอนครับผม

สามารถคว้าถ้วยเดเอฟเบกับชาลเก้ได้


ติดทีมชาติเยอรมันเรียบร้อยแล้วครับ


ทักษะนั่น จ่ายบอลแม่น ว่องไว 


วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

การาย ยอดกองหลังแห่งลีกโปรตุเกส

ครับมีข่าวว่าแมนยูนั่นได้ตกลงที่จะจ่ายเงินประมาณ 17 ล้านปอนด์ เพื่อเป็นค่าตัวของเอเซเกล การายกองหลังทีมชาติอาเจนติน่าของเบนฟิก้าซึ่งการายนั่นสามารถเล่นเกมส์รับได้อย่าง โดดเด่นซึ่งถ้าแมนยูสามารถที่จะคว้าตัวได้ก็น่าจะมาแบ่งเบาภาระของเฟอร์ดินานและวิดิชได้โดยการายนั่นเคยเล่นให้ รีลอัลมาดริดมาก่อน และย้ายมาเล่นให้เบนฟิก้า
สมัยเล่นให้กับรัลอัลมาริด



คุมเกมส์ได้เก๋ามากครับผม

ติดทีมชาติอาเจนติน่าเรียบร้อยแล้วครับ

ครบทั้งรับทั้งยิงสุดๆๆครับผม


มาติย่า นาสตาซิช Matija Nastasic ปราการหลังของแมนซิตี้

ครับวันนี้ผมจะพูดถึงกองหลังดาวรุ่งของแมนซิตี้ในปัจจุบันที่เป็นหัวใจของแนวรับของแมนซิตี้โดยสามารถยึดตัวจริงจากโจลีออนส์เลส์คอตได้
  มาติย่า นาสตาซิช เกิดวันที่ 28 มีนาคม 1993 ที่ยูโกสลาเวีย แต่ถือสัญชาติเซอร์เบีย เป็นนักเตะเยาวชนของสโมสร ปาร์ติซาน ในปี 2010 ก่อนจะย้ายมาอยู่กับที่ ฟิออเรนติน่า ในปี 2011-2012 ลงเล่นไปทั้งหมด 29 นัดยิงไป 2 ประตู ส่วนในทีมชาติ ติดชุด U17, U19, U21 ลงเล่นไป 18 นัดซัดไป 3 ประตู ติดทีมชาติเซอร์เบียชุดใหญ่ไปแล้ว 2 เกมส์
ติดตัวจริงเกือบทุกนัด



 แม้กระทั่งโรนัลโด้ก็ปราบซะอยู่หมัด

เจ้าตัวก็สามารถติดทีมชาติเซอร์เบีย


จับคู่กับกอมปานีแล้ว ยากที่กองหน้าจะสามารถหลุดเข้าไปได้

กับรุ่นพี่ร่วมชาติอิวาโนวิชซึ่งฝีมือแทบจะไม่ต่างกันเลย

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

เหลือเชื่อ! สถิติชี้เวลเบ็คจบสกอร์คมกว่าเหยิน



ป็นที่ทราบกันดีว่า “เหยินเลี่ยมทอง” หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าฟอร์มแรงของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล นำโด่งเป็นดาวซัวโวศึกพรีเมียร์ ลีก ที่ 22 ประตูอยู่ในขณะนี้ แต่ล่าสุดสื่อดัง เดลี่เมล์ ได้หยิบยกสถิติความเฉียบคมการยิงประตูในศึกพรีเมียร์ ลีก หลังจากผ่านไป 21 นัด หาใช่ ซัวเรซ
แต่กลับเป็น ยาย่า ตูเร่ กองกลางตัวกลั่นของแมนฯ ซิตี้ กลับมีค่าเฉลี่ยความเฉียบคมในการยิงประตูสูงที่สุดอยู่ที่ 37.04% (ยิงได้ 10 ประตู) ตามติดมาด้วย เอแดน ฮาซาร์ด แนวรุกตัวเก่งของเชลซี ได้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 33.33% (ยิงได้ 9 ประตู) ส่วนอันดับที่ 3 ที่เซอร์ไพรส์สุดๆคือ “แดนนิอุส” แดนนี่ เวลเบ็ค มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 33.33% (ยิงได้ 8 ประตู)
ส่วนกองหน้าชาวอุรุกวัยของลิเวอร์พูลรั้งอยู่ในอันดับที่ 5 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 28.21% (ยิงได้ 22 ประตู) ตามหลัง โยฮัน กรุฟฟอง แนวรุกเลือดน้ำหอมของ นิวคาสเซิ่ล ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 31.58% (ยิงได้ 6 ประตู) 

ที่มา : http://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-2538583/You-think-Luis-Suarez-